เราขับถ่ายกันมาตั้งแต่เกิด แต่ลักษณะอึนั้นในแต่ละวันนั้นแตกต่างกันไป เคยสงสัยมั๊ยว่าเพราะอะไร อึจึงมีสี หน้าตาและรูปร่างไม่เหมือนกัน
ที่อึในแต่ละวันมีรูปร่างแตกต่างกันไปนั้น เพราะมีปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เป็นต้นว่า อาหาร น้ำ จุลินทรีย์ รวมถึงยาที่ทานเข้าไปด้วย
1.อึก้อนเล็กคล้ายขี้แพะ
เป็นลักษณะของอึที่ตกค้างอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน จนทำให้ลำไส้ดูดน้ำไปจนหมดสิ้น อาจจะเกิดเพราะอั้นอึ ทานอาหารที่ไม่มีกากใยไม่พอ ดื่มน้ำไม่พอ หรือลำไส้ไม่มีจุลินทรีย์ที่ดีช่วยในการขับถ่าย
2.อึก้อนใหญ่ขรุขระ
มีลักษณะของก้อนอึที่ใหญ่ ผิวของอึขรุขระ ก้อนอึคล้ายก้อนกลมหลายก้อนมารวมกัน แข็ง และไม่ลอยน้ำ อึแบบนี้จะทำให้ถ่ายลำบาก แต่ทำให้หูรูดตูดฉีกขาดและมีเลือดได้ อึขนาดใหญ่นี้จะทำให้เด็กกลัวต่อการอึ เป็นจุดเริ่มต้นของการอั้นอึ ส่งผลให้ท้องผูกในเด็ก
3.อึก้อนใหญ่ผิวเรียบ
มีลักษณะของก้อนอึที่ใหญ่ ผิวของอึเรียบ และนิ่มกว่าอึ Type 2 จะทำให้มีอึ Type นี้ โดยจะเริ่มมีอึแบบนี้ตอนที่เด็กเริ่มทานอาหารเสริม แต่เด็กทานอาหารกากใยน้อย ทานน้ำน้อย และไม่มีจุลินทรีย์ในลำไส้ เมื่อเด็กมีอึแบบนี้จะทำให้เด็กเริ่มกลัวการอึ และพัฒนาไปสู่การอั้นอึต่อไป ดังนั้นหากพ่อแม่เจอว่าลูกเจออึ Type นี้ ต้องรีบปรับอาหาร น้ำ และจุลินทรีย์ให้ลูก เพื่อป้องกันการท้องผูก
4.อึก้อนเล็กยาวผิวเรียบ
มีลักษณะของก้อนอึที่เล็ก เหนียว ผิวของอึเรียบ และนิ่มกว่าอึ Type 3 อึแบบนี้แม้จะไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่สำหรับเด็กบางคนที่เคยอึ ง่าย ฟู นิ่มมาก่อน หากมาเจออึแบบนี้ก็จะเริ่มขยาดอึ พ่อแม่จึงรีบปรับสมดุลลำไส้ด่วน ๆ ด้วยการให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
5.อึนิ่ม ฟู ไม่รวมตัวกัน
มีลักษณะของก้อนอึที่ฟู นิ่ม เบา ลอยน้ำ ไม่ติดตัวกันเป็นเส้นยาว มองเห็นเส้นใยอาหาร เป็นลักษณะของอึสุขภาพดี เด็กควรมีอึ Type นี้
6.อึเหลวปนกาก
มีลักษณะของอึที่ค่อนข้างเหลว แต่ยังมองเห็นเนื้ออึ พบในเด็กทารกที่กินนมแม่ช่วงที่ยังไม่ได้รับอาหารเสริม
7.อึเป็นน้ำ
มีลักษณะของอึ ที่ถ่ายออกมาเป็นน้ำ มีปริมาณน้ำค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับกาก หากมีมูก หรือมีกลิ่นแปลกไป ต้องรีบพบแพทย์ด้วย เพราะอาจจะเกิดจากภาวะลำไส้ติดเชื้อ
ลักษณะของอึเด็กจะช่วยให้พ่อแม่สามารถเตรียมตัวรับมือได้ เพราะหากปล่อยให้ลูกท้องผูกจะส่งผลเสียทั้งต่อตัวเด็กและพ่อแม่
Comments